ท่องเที่ยว เมื่อพูดถึงตะวันออกกลาง จอร์แดนโดดเด่นในฐานะประเทศที่น่าดึงดูดใจที่สุดสำหรับการสำรวจ ภูมิทัศน์ทะเลทรายอันน่าทึ่งนั้นช่างน่าทึ่ง นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เช่น เปตรา ทะเลเดดซีและเมืองโบราณต่างๆ นอกจากนี้บรรยากาศทางการเมืองในจอร์แดนยังเงียบสงบ ซึ่งทำให้จอร์แดนแตกต่างจากประเทศเพื่อนบ้าน เป็นผลให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากที่มีความสนใจในอารยธรรมต่างๆ และพากันมาที่จอร์แดน
ซึ่งทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยม ในความคิดแรกเราอาจไม่คิดว่าการเดินทางผ่านทะเลทรายจะเป็นประสบการณ์ที่สนุกสนาน อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ผจญภัยไปในทะเลทรายจริงๆ แล้ว เราอาจรู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่มันมอบให้ จอร์แดนเป็นประเทศที่ส่วนใหญ่เป็นทะเลทราย มีเนินทรายกว้างใหญ่และพืชพรรณขึ้นอยู่ประปราย แม้จะมีความยากลำบากและชื่อเสียงว่าเป็นความหรูหราที่สงวนไว้สำหรับผู้มั่งคั่ง
แต่ก็ยังมีกิจกรรมมากมายให้เข้าร่วมขณะอยู่ในทะเลทรายที่ท้าทายความคิดที่มีอุปาทาน ไม่ว่าจะเป็นการนั่งรถกระบะเทรลเลอร์ สัมผัสลมทะเลทรายบนใบหน้า หรือลองขี่อูฐแบบกองคาราวานโบราณ เราอาจพบว่าทะเลทรายไม่เอื้ออำนวยอย่างที่คิด เปตราเมืองที่แกะสลักด้วยหินในหุบเขาทะเลทราย เป็นสัญลักษณ์ของจอร์แดนมากว่าสองพันปี ในปี 2544 เปตราได้รับการยอมรับให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกโดย New 7 wonders Foundation
แม้ว่าจะตั้งอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงของอัมมานในเขตทะเลทรายทางตอนใต้ของจอร์แดนแต่เปตราก็เป็นสถานที่ ท่องเที่ยว ที่นักท่องเที่ยวต้องมาเยือน เมืองโบราณแห่งนี้มีมรดกทางวัฒนธรรมมากมายที่รอการสำรวจและศึกษา แหล่งน้ำที่เรียกว่าเดดซีเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่าเป็นทะเลสาบที่มีความเค็มที่สุดในโลก ความเข้มข้นของเกลือในทะเลสาบนี้สูงมากจนไม่มีสิ่งมีชีวิตใดสามารถอยู่รอดได้ในนั้น และมนุษย์สามารถลอยบนผิวน้ำได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้ว่าทะเลเดดซีตั้งอยู่ในประเทศจอร์แดน มีความยาว 80 กิโลเมตร วัดความกว้างได้ 19 กิโลเมตร และมีความลึกสูงสุด 500 เมตร นอกจากนี้ ยังอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล 528.5 เมตร ทำให้เป็นจุดที่ต่ำที่สุดบนพื้นผิวโลก ตลอดประวัติศาสตร์จอร์แดนถูกปกครองโดยหลายอาณาจักร รวมทั้งยิว กรีก โรมัน มุสลิม อาหรับ อียิปต์และออตโตมาน ประเทศนี้เต็มไปด้วยซากอารยธรรมโบราณ
โดยสถานที่หลายแห่งมีลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่ไม่บุบสลาย สถานที่น่าสนใจอย่างหนึ่งคือเมืองหลวงโบราณที่ตั้งตระหง่านมาตั้งแต่สมัยโรมัน พร้อมด้วยเสาหิน สนามกีฬาและอาสนวิหารสไตล์โรมัน เมือง Jerarat หรือที่รู้จักกันในนาม เมืองพันเสาเป็นเครื่องยืนยันถึงสิ่งนี้ โดยมีเสาเรียงรายตามถนนทุกทิศทุกทาง ซากปรักหักพังโบราณเหล่านี้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมและนำเสนอประวัติศาสตร์อันยาวนานของประเทศที่น่าสนใจ
จอร์แดนเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี และครั้งหนึ่งเคยเป็นที่อยู่ของชาวยิว มีตำนานมากมายจากคัมภีร์ไบเบิล ทั้งของยิวและคริสต์ที่มีฉากในจอร์แดน ไม่ว่าคุณจะเป็นคริสเตียนที่เรียนคัมภีร์ไบเบิล เรียนโรงเรียนคริสต์ หรือแค่สนใจประวัติศาสตร์ การไปเยือนภูเขาเนโบในจอร์แดนเป็นสิ่งที่พลาดไม่ได้ ตามพันธสัญญาเดิม โมเสสผู้นำชาวยิวได้แยกทะเลแดงเพื่อหนีออกจากอียิปต์ ณ สถานที่นี้ก่อนที่เขาจะจากไปในอิสราเอล
จอร์แดนตั้งอยู่ทางตอนใต้ของทวีป เป็นประเทศที่ล้อมรอบด้วยแผ่นดินทุกด้าน ทางตะวันตกของประเทศนี้มีทะเลแดงซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญที่แยกทวีปเอเชียและแอฟริกาออกจากกัน ภูมิภาคทางใต้สุดของจอร์แดนเป็นที่ตั้งของเมืองอัคคาบา ซึ่งทำหน้าที่เป็นเมืองท่าหลักของประเทศ ภูมิภาคนี้ยังขึ้นชื่อว่าเป็นจุดที่พรมแดนของสี่ประเทศมาบรรจบกัน ได้แก่ อียิปต์ อิสราเอล จอร์แดนและซาอุดีอาระเบีย
ส่งผลให้ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่สนใจล่องเรือชมอ่าวอควาบาเพื่อชมทิวทัศน์อันน่าทึ่งของทั้งสี่ประเทศ นอกจากนี้ ประเทศต่างๆ รอบอ่าวยังอยู่ใกล้กันและแนวปะการังและซากเรืออับปางก็มีทิวทัศน์ที่สวยงาม ผู้ที่ชื่นชอบการดำน้ำจะยินดีที่ได้รู้ว่าทะเลแดงมีชื่อเสียงในด้านน้ำทะเลสีครามที่ใสราวกับคริสตัล ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ สำหรับผู้ที่ติดตามเหตุการณ์ปัจจุบันทั่วโลกอย่างใกล้ชิด
แนวคิดเรื่องการเดินทางสู่ตะวันออกกลางอาจก่อให้เกิดความรู้สึกไม่สบายใจ ภูมิภาคนี้มักเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย การจลาจลทางการเมือง และความไม่สงบในบ้านเมือง ซึ่งทำให้หลายคนหลีกเลี่ยงโดยสิ้นเชิง อย่างไรก็ตาม จอร์แดนได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นประเทศที่สงบสุขอย่างน่าทึ่ง แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีความขัดแย้งกับอิสราเอล แต่หลังจากนั้นก็มีการเจรจาและรักษาความสัมพันธ์อย่างสันติมาตั้งแต่ปี 2537
แม้ว่าอียิปต์และซีเรียที่อยู่ใกล้เคียงจะประสบกับสงครามกลางเมือง แต่จอร์แดนก็ยังไม่ได้รับผลกระทบ แม้ว่ากลุ่มก่อการร้ายไอเอสจะปฏิบัติการในอิรักและซีเรีย ซึ่งมีพรมแดนร่วมกับจอร์แดน แต่พวกเขาก็ไม่ได้ข้ามเข้าไปในดินแดนของจอร์แดน แม้จะเป็นทะเลทราย แต่อากาศของจอร์แดนก็อบอุ่นกว่าที่คาดไว้ ในช่วงฤดูร้อนอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 33-36 องศา ซึ่งหนาวกว่าประเทศไทย อุณหภูมิจะลดลงเหลืออย่างมากในทะเลทรายเปิด
และลมแรงอาจทำให้รู้สึกหนาวจัด อย่างไรก็ตาม เดือนพฤศจิกายนเป็นเดือนที่เหมาะแก่การไปเที่ยวจอร์แดนเนื่องจากฤดูหนาวได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว แต่อากาศยังคงค่อนข้างอบอุ่นที่ประมาณ 12-22 องศา ฝนตกไม่บ่อยนักโดยมีฝนตกเพียงประมาณสิบวันต่อปี จอร์แดนเป็นประเทศอาหรับที่มีความก้าวหน้าอย่างโดดเด่นทั้งในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและการเมืองประชากรมีจำนวนมาก
และประเทศนี้มีชื่อเสียงในด้านความสะอาดและมีระเบียบดี นอกจากนี้ จอร์แดนยังเป็นประเทศที่ปลอดภัย มีอาชญากรรมในระดับต่ำและไม่มีปัญหาเรื่องความฟุ้งเฟ้อหรือความสกปรก สิ่งนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าผู้เยี่ยมชมทุกคนสามารถเดินทางได้อย่างไร้กังวล สถาปัตยกรรมแบบจอร์แดนยังมีธีมเฉพาะที่ทุกหลังคาต้องใช้สีเอิร์ธโทน สีขาวและหินทรายสีเหลือง แม้ว่าจอร์แดนจะไม่ได้มีโซนที่ชวนให้นึกถึงอารยธรรมโบราณเสมอไป
แต่ก็มีโซนสมัยใหม่ที่มีห้างสรรพสินค้า โชว์รูมรถหรูและแบรนด์ดังมากมาย จอร์แดนเป็นประเทศอิสลามที่ไม่บริโภคเนื้อหมู แต่สิ่งนี้ไม่ได้ขัดขวางการมีอาหารรสเลิศ นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับเนื้อสัตว์ต่างๆ เช่น ไก่ เนื้อวัวและเนื้อแกะ รวมถึงเครื่องเทศและแป้งต่างๆ ซอสครีมมักใช้ในการปรุงอาหาร ทำให้ยากต่อการรับประทานมากกว่าที่คิด ความภาคภูมิใจของอาหารจอร์แดนคือเนื้อย่างซึ่งเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวต้องลอง
บทความที่น่าสนใจ สัตว์เลี้ยง การศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีในการฝึกฝนพฤติกรรมของสุนัข